น้ำมันเครื่องเลือกกันอย่างไร
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หนึ่งในค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์แทบทุก ๆ
ปีก็เครื่องการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
แน่นอนว่าทุกคนยอมจ่ายกันอยู่แล้วเพราะคงไม่มีใครอยากให้เครื่องยนต์ของรถสุดรักต้องจากไปก่อนเวลาอันควร
แต่หนึ่งคำถามมักเกิดขึ้นในช่วงที่ต้องเลือก "น้ำมันเครื่อง
ตัวไหนดี" คงกึกก้องมาในหัวใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้นกระปุกคาร์จึงนำความรู้เกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง
ที่ใช้ประกอบการพิจารณามาบอกให้ทุกท่านได้ตัดสินใจการง่ายขึ้น
- เลือกประเภทของน้ำมันเครื่อง
ที่มีทั้งหมด 3 ประเภทดังนี้
1. น้ำมันเครื่องธรรมดา (Synthetic) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่กลั่นจากน้ำมันปิโตรเลียม
ใช้งานได้ประมาณ 3,000-5,000 กม.
2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi
Synthetic) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นธรรมดากับชนิดสังเคราะห์ ใช้งานได้ประมาณ 5,000-7,000
กม.
3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Fully Synthetic) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่สังเคราะห์
จากน้ำมันปิโตรเลียม ใช้งานได้ประมาณ 7,000-10,000 กม.
แน่นอนว่าเห็นจากระยะการใช้งานคงเลือกกันไม่ยาก
แต่ของดีย่อมราคาแพงกว่า เพราะน้ำมันเครื่องแบบธรรมดาราคาประมาณหลักร้อย
น้ำเครื่องสังเคราะห์ก็อยู่หลักพัน ตามแต่สูตรและยี่ห้อ
- เลือกค่าของน้ำมันเครื่อง
จากรูปตัวอย่างจะเห็นค่า "SM 10W-30" ซึ่งขอจำแนกเป็นดังนี้
"SM" คือค่า API (American Petroleum
Institute Standard) กำหนดโดยสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา
เพื่อเป็นมาตรฐานสำหรับน้ำมันเครื่องแบบสากลทั่วโลก
มาตรฐาน API หากเป็นน้ำมันเครื่องาหรับเครื่องยนต์เบนซินจะขึ้นต้นด้วย
"S" เช่น API SM หรือ API
SL ส่วนมาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจะกำกับด้วย C เช่น API CJ-4 หรือ API CI-4 โดยเช็กรายละเอียดได้ที่นี่ www.api.org (ยิ่งปีเก่าทั้งไหร่ก็มาตราฐานต่ำลง)
API SM มาตรฐานคุณภาพระดับสูงสุดของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์เบนซิน
ประกาศใช้เมื่อปี 2004 (ตัวนี้อัพเกรดมาตราฐานจาก SL ให้มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้น)
API SL ประกาศใช้เมื่อปี 2004
API SJ ประกาศใช้เมื่อปี 2001
CJ-4 มาตรฐานคุณภาพระดับสูงสุดของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ดีเซล
ประกาศใช้เมื่อปี 2006
CI-4 ประกาศใช้เมื่อปี 2002
CH-4 ประกาศใช้เมื่อปี 1998
"10W-30" คือค่า SAE
ย่อมาจาก The Soceity of Automotive Engineer ซึ่งเป็นสมาคมวิศวกรรมยานยนต์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยค่าชุดเลขตัวแรก "10W" บอกค่าการทนความเย็นโดยของน้ำมันเครื่องดังนี้
W =
สามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส
โดยไม่เป็นไข
5W =
สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาเซลเซียส
โดยไม่เป็นไข
10W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
15W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -10 องศาเซลเซียส
โดยไม่เป็นไข
20W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
ชุดเลขตัวที่สอง "30" บอกถึงค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องที่มีตั่งแต่
60, 50, 40, 30, 20, 10 และ 5 โดยตัวเลขมีความหนืดมาก
ตัวเลขน้อยมีความหนืดน้อยตามลำดับ
โดยความหนืดของน้ำมันมีผลต่อการหล่อลื่นและช่วยลดการสึกหรอได้มากดังโดยความหนืดที่เหมาะสมสำหรับเครื่องยนต์ทั่วไปอยู่ที่
30-50 ครับ
- เลือกสูตรที่มีความสามารถพิเศษ
น้ำมันเครื่องหลายชนิดในตอนนี้มีการบอกว่าเหมาะสมกับประเภทการใช้งานมาอีกด้วยตัวอย่างเช่น
For NGV, LPG &
Gasoline - สามารถใช้ได้ดีกว่าสำหรับรถที่ติดแก๊ส NGV
และ LPG
Heavy Duty -
ใช้ได้ดีสำหรับที่บรรทุกของหนัก
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลสำคัญที่จะชี้ไปว่าน้ำมันเครื่องแบบไหนเหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ
เมื่อเลือกได้แล้วก็มาดูกันที่ราคาจำหน่าย ส่วนยี่ห้อไหนก็ตามแต่ชอบกันเลยครับ